จังหวัดเชียงใหม่
(ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดเชียงใหม่)
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
นาย ศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ
รองผู้ว่าราชการจังหวัด
1.นาย วิรุฬ พรรณเทวี 2.นาย พุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ 3.นาย มนัส ขันใส
4.นาย คมสัน สุวรรณอัมพา
ประวัติจังหวัดเชียงใหม่

ประวัติจังหวัด เชียงใหม่ อาณา บริเวณของเมืองเชียงใหม่ในอดีตเป็นที่ตั้งของเมืองเก่าซึ่งเป็นศูนย์กลางขอ อาณาจักรล้านนาไทย อันมีนามว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์" กษัทตริย์ผุ้สร้างนครเชียงใหม่ พ่อขุนเม็งรายมหาราชพระองค์ทรงรวบรวม บ้านเล็ก เมืองน้อยบนแผ่นดิน ล้านนาไทย ให้เป็นปฐพี เดียวกัน รวมเป็นอาณาจักรล้านนาไทยอันกว้างใหญ่ไพศาลพระองค์เป็น พระโอรส ผุ้สืบเชื้อสายมา จากพระเจ้าลาวจักราช ซึ่งเป็นผุ้สร้างอาณาจักรโยนก ในระยะที่พ่อขุนเม็งรายกำลังเรืองอำนาจอยู่ในอาณาจักรล้านนาไทย พ่อขุนรามคำแหงมหาราชกำลังเรืองอำนาจในอาณาจักรสูโขทัยพ่อขุนงำเมือง กำลังเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองพะเยากษัตริย์ทั้งสาม พระองค์นี้เป็นพระสหายสนิทร่วมน้ำสาบานมาด้วยกัน ฉะนั้นเมื่อพ่อขุน เม็งรายรวบรวมเมืองต่าง ๆในอาณาจักรล้านนาไทย เป็นปึกแผ่นแน่นหนา หลังจากนั้น พ.ศ. 1824 พระองค์ก็เสด็จ กรีธาทัพเข้าตี นครหริภุญไชย ซึ่งมีพญายีบาครองอยู่และเป็น นครที่มั่นคงที่สุดทางตอนใต้ได้สำเร็จสมพระราชประสงค์แล้ว เสด็จเข้าประทับอยู่ในนครหริภุญไชยเป็นเวลาสองปี จึงทรง มอบให้อ้ายฟ้าอำมาตย์ ครองนครหริภุญไชยแทน ส่วนพ่อขุนเม็งรายได้เสด็จสร้างเมืองใหม่ทางทิศตะวัน ออกของนคร หริภุญไชย ครองอยู่ได้สามปีทรางเห็นว่าเมืองใหม่ทำเลไม่เหมาะสมจึงโปรดย้ายราชธานีมา ตั้งอยู่ที่แห่งใหม่ริมฝั่งแม่น้ำ ระมิงค์ มีชื่อว่า "เวียงกุมกาม" (ปัจจุบันอยู่ในตำบล ท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่) ครองราชย์อยู่จนถึง พ.ศ. 1835 ก็เกิดนิมิตรประหลาดดลพระทัย ให้พ่อขุนเม็งรายไปประพาสป่า ทอดพระเนตรพบชัยภูมิที่จัดสร้างเมืองเชียงใหม่ พระองค์โปรดให้สร้างที่ประทับชั่วคราว ณ เวียงเล็ก (เมืองเล็ก) หรือ เวียงเชียงมั่น (คือ บริเวณวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน) จากนั้นก็โปรดให้ไพร่พลถางป่า และปรับ พื้นที่บริเวณเชิงดอยอ้อยช้าง หรือ ดอยสุเทพในปัจจุบัน แล้วโปรดให้เชิญ เสด็จพ่อขุนรามคำแหง แห่งกรุงสุโขทัยและพญางำเมือง แห่งนครพะเยา พระสหายร่วมน้ำสาบานมาช่วยพิจารณาการสร้าง เมืองใหม่ เมื่อพระสหายทั้ง 2 พระองค์ เสด็จมาถึงและได้เห็นชัยภูมิที่ราบอันสมบูรณ์ริมฝั่งแม่น้ำปิง ตรงเชิงดอยสุ เท ก็พอ พระทัย พ่อขุนรามคำแหง ถึงกับทรง มีพระดำรัสว่า "เมืองนี้ข้าศึกจะเบียบดเบียนกระทำร้ายมิได้ คนไหนมีเงินพันมาอยู่ก็จะ มีเงินหมื่น ครั้นมีเงินหมื่นมาอยุ่จะมีเงินแสน" ส่วนพระยางำเมืองถวายความเห็นว่า "เขตเมืองนี้ดีจริง เพราะเหตุว่าเนื้อดิน มีพรรณรังสี 5 ประการ มีชัย 7 ประการ เมืองนี้มีสิทธิ์นักแล" ในที่สุดพ่อขุนเม็งรายก็ทรงดำเนินการสร้างเมืองใหม่โดยให้ ขุดคูและสร้างกำแพงเมืองเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า พร้อมทั้งโปรดให้สร้างปราสาท ราชมณเทียรและบ้านเรือนในปี พ.ศ.1839 พ่อขุนเม็งราย พ่อขุนรามคำแหง และพญางำเมือง ก็พร้อมใจกันขนานนาม พระนครแห่งใหม่ว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" เรียกกันเป็นสามัญว่า "นครพิงค์เชียงใหม่" ต่อจากนั้น พ่อขุนเม็งรายก็ทรง ประกอบพิธีปราบ ดาภิเษกเป็นกษัตริย์ ปกครองอาณาจักรล้านนาไทย ราชธานีอยู่ที่ นครเชียงใหม่ ทรงเป็นต้นราชวงค์เม็งรายครองราชย์ อยู่จน พ.ศ.1860 วันหนึ่งขณะที่พ่อขุนเม็งรายกำลังเสด็จประพาสตลาดกลางนครเชียงใหม่ ได้เกิดฝนตกอย่างหนัก จนอัสนีบาตได้ตกต้อง พระองค์สิ้น พระชนม์เมื่อพระชนมายุได้ 79 พรรษา และมีเชื้อสายของพ่อขุนเม็งรายได้ปกครอง อาณาจักล้านนาไทย ต่อเนื่องกันมา
เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาไทยสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน ตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุทธยา และประเทศพม่าอยู่หลายยุคหลายสมัย จนครั้งสุดท้ายในสมัยกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราชทรงตีนครเชียงใหม่ ได้จากประเทศพม่า เมื่อปี พ.ศ. 2317 แล้วทรงกวาดล้างอิทธิพลของพม่าจากล้านนาไทยได้สำเร็จ เมืองเชียงใหม่ จึงกลับมาเป็นประเทศราชของกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ จนสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงสถาปนา "พญากาวิละ" (กาวิละ ณ เชียงใหม่)ขึ้น เป็นเจ้าครองนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นต้นตระกูล ณ เชียงใหม่ 9 พระองค์มีเจ้านวรัฐ เป็นองค์สุดท้ายถึงสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2440 ทรงยุบเมืองประเทศราชเข้ากับอาณาจักรไทย แข่งการปกครองราชอาณาจักรออกเป็นมณฑล ได้ยกเมืองเชียงใหม่ขึ้นเป็นมณฑลพายัพและต่อมาภายหลังได้ยกเลิก เมืองเชียงใหม่ จึงเป็นจังหวัดมาจนถึงปัจจุบันนี้ รวมระยะเวลาที่เชียงใหม่ได้เป็นราชธานีอาณาจักรล้านนาไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 1839 จนถึง พ.ศ. 2540 ได้ 700 ปี
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่

ม่อนแจ่ม
ม่อนแจ่ม ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ริม ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียงแค่ 40 นาทีเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านม้ง หนองหอย อ.แม่ริม ม่อนแจ่ม มีอากาศเย็นสบายตลอดปี มีหมอกยามเช้า สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ โดยรอบ มองเห็นทิวเขาสลับกันไปไกลสุดลูกหูลูกตา อีกด้านก็จะเป็นไร่ปลูกพืชต่างๆของโครงการหลวง บนยอดม่อนแจ่มมีพื้นที่ ไม่มากนัก สามารถเดินชได้จนทั่วได้อย่างสบาย ม่อนแจ่ม อยู่บนสันเขา บริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย เดิมที่บริเวณนี้ชาวบ้าน เรียกว่ากิ่วเสือเป็นป่ารกร้าง ต่อมาชาวบ้านเข้ามาแผ้วถางและปลูกฝิ่นจนในท้ายที่สุดโครงการหลวง มาขอซื้อพื้นที่เข้า โครงการหลวงหนองหอย เมื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหลวง และได้เข้ามา พัฒนาและปรับปรุงบริเวณม่อนแจ่มให้กลายเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวโดยเฉพาะในลักษณะของแค้มปิ้งรีสอร์ท
สิ่งที่น่าสนใจซึ่งเป็นไฮไลต์ของการมาเที่ยวม่อนแจ่ม คือ ชมวิวสูดอากาศบริสุทธิ์ ชมแปลงดอกไม้เมืองหนาว มีร้านค้า ร้านอาหารไว้คอยให้บริการ นั่งดื่มกาแฟ ทานอาหารชมวิวในกระท่อมไม้ไผ่ที่อยู่ติดริมเขาได้บรรยากาศมาก
บริเวณใกล้ ๆ ม่อนแจ่ม มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยภายในมีแปลงผักและงานวิจัยผักเมือง หนาว เช่น อาติโช๊ค, แปลงสมุนไพร เลมอนทาร์ม มิ้น คาร์โมมายด์ โรสแมรี่, ไม้ผล เช่น พลัม องุ่นไร้เมล็ด สตรอเบอรี่ หวานฉ่ำ, แปลงผักไฮโดรโพนิค เป็นเทคโนโลยีการ ปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน เช่น โอ้คลีฟแดง และผักตระกูลสลัด มะเขือเทศดอยคำ ให้ได้ชื่นชม หรือจะไปเดินศึกษาธรรมชาติ ณ ดอยม่อนล่อง ซึ่งเป็นจุดชมวิวชมทะเลหมอก บนหน้าผา 1,460 เมตร มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้าง ชมพรรณไม้และดอกไม้ป่าหลากหลาย แต่ถ้าใครกลัวหลง ที่นี่ก็มีไกด์ท้องถิ่น และมัคคุเทศก์น้อย ของหมู่บ้านชาวเขาบริการ นำเยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวเขา
การเดินทางไปม่อนแจ่ม
ม่อนแจ่ม เป็นส่วนหนึ่งของ “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย” อ.แม่ริม ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 40นาทีจากตัวเมือง เชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ตรงไปถึงอำเภอแม่ริมบริเวณ กม. 17 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง หมายเลข 1096 สายแม่ริม-สะเมิง ถึง กม. 15 ให้เลี้ยวขวาที่บ้านโป่งแยกไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็ถึงบนสันเขาม่อนแจ่ม
นางสาว พรรษชล ตันเลียง เลขที่ 8 ชั้น ม.6/6
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น